ยอดเขายุงเฟรา (Jungfrau)





ที่มา: https://www.youtube.com/watch?v=tVxONJO3-rs


                         ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ได้รับการจัดอันดับจาก World Happiness Report ว่าเป็นประเทศที่มีความสุขที่สุดในโลกในปี 2015 ซึ่งเราก็คงไม่ปฏิเสธ เพราะประเทศแห่งนี้มีธรรมชาติที่สวยงามมากมาย 
                    หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ก็คือ ยอดเขาจุงเฟรา (Jungfrau) โดยมีสถานีรถไฟจุงเฟรายอค (Jungfraujoch) ซึ่งเป็นสถานีรถไฟที่สูงที่สุดในยุโรป (Top of Europe) ตั้งอยู่ด้านบน 
                    ยอดเขาจุงเฟรา (Jungfrau) เป็นหนึ่งในยอดเขาที่สูงที่สุดของเทือกเขาแอลป์ในทวีปยุโรป ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับเมืองอินเทอร์ลาเคน (Interlaken) ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ มีความสูงจากระดับน้ำทะเลมากกว่า 4,000 เมตร ได้รับการจดทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก เมื่อปี ค.ศ. 2007

                    การที่จะขึ้นไปทำความรู้จักกับจุงเฟราได้นั้น มีวิธีเดียวคือการนั่งรถไฟขึ้นไป โดยมี 2 เส้นทางให้เลือก คือ  Lauterbrunnen และ Grindelwald ซึ่งทั้งสองเส้นทางจะวิ่งผ่านหมู่บ้านและทุ่งหญ้า ค่อย ๆ ไต่ความสูงขึ้นไปจนถึงสถานีรถไฟจุงเฟรายอค  (Jungfraujoch) ที่ความสูง 3,454 เมตร ซึ่งเป็นสถานีรถไฟที่สูงที่สุดในยุโรป  เมื่อถึงสถานีปลายทาง นักท่องเที่ยวจะได้พบกับพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์การสร้างทางรถไฟสายนี้ ที่จัดแสดงในอุโมงค์ยาว พร้อมทั้งมีถ้ำน้ำแข็ง (Ice Palace) ที่มีรูปปั้นแกะสลัก และอุโมงค์ถ้ำน้ำแข็งให้ได้เที่ยวชมอีกด้วย
                
                    ที่นักท่องเที่ยวต้องไม่พลาดก็คือบริเวณจุดชมวิว นักท่องเที่ยวสามารถออกไปสัมผัสกับหิมะสีขาวโพลนบนพื้นที่ภูเขาที่สูงมาก ๆ พร้อมกับชมทัศนียภาพของธารน้ำแข็ง Aletsch ซึ่งเป็นธารน้ำแข็งที่ใหญ่มาก ๆ อีกแห่งหนึ่งในยุโรป และต้องขึ้นไปที่หอคอย Sphinx ซึ่งมีความสูงถึง 3,571 เมตร บนคอหอยจะสามารถชมวิวได้แบบ 360 องศา มองเห็นยอดเขาอื่น ๆ เรียงรายสลับซับซ้อน ยอดเขาแต่ละแห่งต่างปกคลุมไปด้วยหิมะสวยงาม             
                       นักท่องเที่ยวสามารถที่จะขึ้นรถไฟจากเส้นทางหนึ่ง แล้วลงอีกเส้นทางหนึ่งก็ได้ เพื่อที่จะได้เห็นวิวสองข้างทางของทั้ง 2 เส้นทาง ใช้เวลาเดินทางไม่นานมากนัก หากใครพักที่เมืองอินเทอร์ลาเคน ก็สามารถเที่ยวยอดเขาจุงเฟราได้ใน 1 วัน ไม่ว่าจะมาฤดูกาลไหนก็ขึ้นไปเที่ยวบนยอดเขาจุงเฟราได้ เพราะที่นี่เปิดให้เข้าชมตลอดทั้งปี ซึ่งแต่ละฤดูกาลที่นี่ก็จะมีความสวยงามที่แตกต่างกันออกไป
                  ใครอยากเห็นดอกไม้สีสันสดใส พร้อมภูเขาสีเขียวก็มาในช่วงฤดูใบไม้ผลิ แต่ถ้าใครอยากเห็นหิมะแบบจัดเต็มก็ตะลุยไปเลยในช่วงหน้าหนาว สามารถดูรายละเอียดเกี่ยวกับเส้นทางรถไฟยอดเขาจุงเฟราและตั๋วรถไฟได้ที่ jungfrau


ที่มา:https://travel.kapook.com/view192595.html